Today Saturday, 27th April 2024
Abhinavjournal

Experience Excellence & Beyond

4 วิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์

4 วิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์

ปัจจุบันทุกๆ ท่านต่างก็คงจะมีรถยนต์เป็นพาหนะส่วนตัวที่สะดวกสบายกันใช่มั้ยหล่ะครับ ซึ่งนอกจากเรื่องของการขับขี่ที่ต้องเป็นงานและเข้าใจตัดสินใจอย่างเฉียบขาดในทุกการขับแล้วนั้น เรื่องของการ “ดูแลรถยนต์” ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เช่นกันครับ วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “4 วิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์” พร้อมกับสิ่งที่เช็คเกี่ยวกับตัวรถยนต์ด้วยครับ

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นอย่างไร?

แบตเตอรี่รถยนต์คือ อุปกรณ์จ่ายกระแสไฟฟ้าและจัดเก็บแหล่งพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มาก แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ของรถเช่น เครื่องยนต์ ระบบไฟส่องสว่างและระบบอื่น ๆ ที่ต้องการกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงเพื่อให้ทำงานได้ เช่น ระบบจุดระเบิด มอเตอร์สตาร์ท เป็นต้น

แล้วแบตเตอรี่รถยนต์มีกี่แบบกันนะ

ประเภทที่ 1 แบตเตอรี่แบบแห้ง (Sealed Maintenance Free) หรือ SMF

แบตเตอรี่แบบแห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน หรือสังเกตง่าย ๆ คือไม่มีรูสำหรับเติมน้ำกลั่นเลย ภายในของแบตเตอรี่ตัวนี้ไม่ได้แห้งเหมือนชื่อ แต่ภายในถูกบรรจุด้วยของเหลวสำหรับทำปฏิกิริยานั้นเอง แบตเตอรี่แบบนี้มีการเติมน้ำกรดและชาร์จไฟมาให้เรียบร้อยจากโรงงาน

แบตเตอรี่แบบแห้ง ไม่เหมาะกับการเก็บไว้นาน ๆ โดยไม่ใช้งาน เพราะอาจเสื่อมคุณภาพลง ถ้าที่ปิดผนึกด้วยซีล ไม่ใช่แบบอีเล็กโตรไลท์ ซีลของช่องหายใจหลุด อาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ เนื่องจากมีความชื้นเข้าไปข้างใน

ประเภทที่ 2 แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง (Maintenance Free) หรือ MF

แบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีความคล้ายกับแบตเตอรี่แบบแห้ง แต่จะแตกต่างกันตรงที่แบตเตอรี่กึ่งแห้งยังคงมีรูสำหรับเติมน้ำกลั่นนั้นเอง ข้อดีของแบตเตอรี่กึ่งแห้ง ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องหมั่นเติมน้ำ (เฉลี่ยเติม 1-2 ครั้งต่อปี) ราคาย่อมเยากว่าแบตเตอรี่แบบแห้งมีความทนทานสูง ข้อเสียของแบตเตอรี่กึ่งแห้งแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง มีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ประเภทน้ำยังคงต้องเติมน้ำกลั่นอยู่บ้าง

ประเภทที่ 3 แบตเตอรี่แบบน้ำ (Conventional Battery)

แบตเตอรี่แบบน้ำ ถือว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้มาตั้งแต่ดังเดิม มีความแตกต่างจากแบบแห้งเป็นอย่างมาก มีรูสำหรับการเติมน้ำกลั่น  ซึ่งแบตเตอรี่แบบน้ำนี้ต้องอาศัยการเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอ เพราะจะมีการสูญเสียน้ำค่อนข้างสูง ถ้าผู้ใช้งานลืมเติมน้ำกลั่นหรือปล่อยให้น้ำระเหยออกจากแบตเตอรี่หมด จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ อายุการใช้งานสั้นลง

ข้อดีของแบตเตอรี่น้ำ มีราคาถูกกว่าแบตเตอรี่รุ่นอื่น ๆอายุการใช้งานนานกว่า หากดูแลและเติมน้ำกลั่นอย่างถูกต้อง อาจอยู่ได้นานกว่าแบตเตอรี่แบบแห้ง 3-5 เดือน

ข้อเสียของแบตเตอรี่น้ำ ควรหมั่นตรวจเช็กและเติมน้ำกลั่นอยู่สม่ำเสมอ

ประเภทที่ 4 แบตเตอรี่แบบไฮบริด (Hybrid Battery)

แบตเตอรี่แบบไฮบริดเป็นลูกผสมของแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งและน้ำ มีค่าแรง CCA สูง มักมีขนาดใหญ่กว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น อาศัยการเติมน้ำกลั่นประมาณ 6-9 เดือนต่อครั้ง ข้อดีของแบตเตอรี่ไฮบริด ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แบบแห้ง มีค่าแรง CCA สูงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ ข้อเสียของแบตเตอรี่ไฮบริด ราคาแพงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำและยังต้องตรวจเช็กและเติมน้ำกลั่น

4 วิธีการดูแลแบตเตอรี่

  • หลีกเลี่ยงการใช้รถสำหรับการเดินทางระยะสั้นบ่อยๆ เพราะแบตเตอรี่ ทำหน้าที่จ่ายไฟเพื่อใช้ในการสตาร์ทรถ และจะชาร์จไฟกลับเข้าแบตระหว่างที่เราขับรถ ถ้าเราใช้รถสำหรับระยะทางที่สั้นมากๆ จะทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่แบตเตอรี่จะได้ชาร์จไฟกลับเข้ามาเลย
  • หมั่นตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันแบตเตอรี่แห้งและเกิดการเสียหายนั้นเองครับ
  • รักษาความสะอาดแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ควรอยู่ในสภาพที่ สะอาด แห้ง ไม่มีฝุ่นจับหนาเขรอะ ไม่มีคราบเปื้อน และไม่มีคราบขี้เกลือสีขาวๆขึ้นที่แบตเตอรี่ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตได้ จุดจ่ายไฟของแบตเตอรี่จะถูกกัดกร่อนตามระยะเวลาของการใช้งานอยู่แล้ว แต่การรักษาความสะอาดจะช่วยทำให้ยืดอายุการใช้งานได้
  • หลีกเลี่ยงจอดรถในอากาศร้อนจัด อุณหภูมิที่ร้อนจัดมีผลกระทบกับแบตเตอรี่ในทางอ้อม คือ ของเหลวที่อยู่ในแบตเตอรี่อาจจะระเหยออกได้ ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่จะถูกผลิตมาและซีลอย่างมิดชิดแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นเราควรจอดรถในสภาพแวดล้อมที่ไม่ร้อนจัด

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “4 วิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนกันนะครับ

Franklin Wood

Related Posts

Read also x